13 ธันวาคม 2555

qa 131-140

๑๔๐.

ถาม

เคยอ่านหนังสือของหลวงตา แล้วมาฝึกขยับมือเอง สงสัยว่าถ้าขยับมือไปจะเกิดสภาวะญาณที่ 1-4 อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้หมือนกันอานาปาณสติใช่ไหมคะ วันนี้ลองทำดูเหมือนเห็นจิตเค้าหลงไปคิด พอดูไปเรื่อยๆเหมือนตัววิตกวิจารณ์ดับไป จะหาโอกาสไปภาวนากับหลวงตานะคะ

ตอบ

ไฟที่เกิดจากไม้ กับไฟที่เกิดจากเชื้อเพลิงอย่างอื่น มันก็ให้แสงสว่างได้เหมือนกันทั้งนั้นแหละ...ขยับมือเฉยๆหากไม่มีสติที่ได้รับการพัฒนาตามลำดับคงเกิดสภาวธรรมอะไรไม่ได้... มาเถอะ ยินดีต้อนรับ.

๑๓๙.

ถาม

โยมมีสภาวะคือ เดินจงกรมไป พอความคิดขึ้นมานิด ก็รู้ทัน แล้วก็ดับไป ที่โยมรู้เป็นรู้แบบธรรมชาติ คือไม่ได้จงใจรู้เพื่อให้ความคิดดับ แล้วทีนี้พอรู้มากๆเข้าเหมือนโยมจะถลำเข้าไปในรู้นั้น ก็มีเสียงเตือนขึ้นว่า “อย่าหลงไปในรู้ ให้เห็นเฉยๆ” โยมไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงของปัญญาที่สอนขึ้นมาเอง หรือว่าเป็นความจำที่จำมาจากการฟังเทศน์หรืออ่านหนังสือ เราจะทราบได้ยังไงคะว่าเป็นอย่างไหน แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน เมื่อโยมได้พิจารณาดูแล้วก็พบว่าเสียงเตือนประโยคนั้นน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าโทษ เพราะถ้าไม่มีเสียงเตือนนั้นขึ้นมา โยมก็คงหลงเข้าไปในรู้และพอใจกับรู้นั้นนะค่ะ หลวงตาว่าโยมเข้าใจถูกต้องไหมคะ แล้วมีอะไรจะแนะนำเพิ่มเติมไหมคะ

ตอบ

อยากรู้ก็ให้เฝ้าดูใหม่...คงเป็นเสียงของพระอินทร์ล่ะมั้งหรือกุศลจิตที่ผลิตดอกออกมาจากกุศลธรรม...เข้าใจถูกต้องแล้ว.

๑๓๘.

ถาม

เคยเข้าปฏิบัติที่วัดแล้วมีอาการจิตใจสบาย แต่ครั้งหลังที่ไปรู้สึกว่ามันยิ่งกว่าสบายใจอีก เป็นอาการที่ใจร่าเริงมาก มองไปทางไหน เห็นอะไร ใจมันก็ร่าเริง ยิ้มได้ตลอดเวลา ไม่ง่วง ไม่ซึม ไม่คิด ได้แต่ร่าเริงอยู่อย่างนั้น จนไม่แน่ใจว่าตัวเองบ้าไปหรือเปล่า รู้สึกตัวเองคงเหมือนพวกกินยาไอซ์ กัญชา ที่คึกคักได้ทั้งวัน ไม่ทราบว่าโยมทำอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่าคะ

ตอบ

ไม่ผิดหรอก ทำถูก และทำได้ดี...แต่อย่าประมาท ชะล่าใจไปล่ะ หมั่นแอบดูจิต ที่มันคิดบ้างเน้อ.

๑๓๗.

ถาม

มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้นักปฏิบัติเข้าถึงธรรมได้ลึก-ตื้นและช้า-เร็วต่างกัน

ตอบ

ความประมาท.

๑๓๖.

ถาม

มีอยู่ช่วงสภาวะสั้นๆ คือหนูรู้สึกตัวชัดมากเห็นความคิดแต่ไม่ได้เข้าไปคิดต่อ เห็นความทุกข์ที่เกิดจากจิตที่ส่งออกไปโน่นไปนี่ รู้สึกตัวเองน่าสงสารที่สุดหมักหมมอยู่กับ อดีต และอนาคต ความจำเก่าๆที่เคยไม่พอใจจะปุดขึ้นมาเป็นระยะๆคล้ายกับว่าหนูกำลังสลัดทิ้ง เห็นการเกิดดับ หนูรู้สึกโล่งๆเมื่อขจัดความจำเก่าๆออก แต่หนูรู้สึกตัวชัดนะคะ ไม่ทราบว่าหนูเดินทางถูกหรือไม่กราบขอความเมตตาจากหลวงตาช่วยชี้ทางให้หนูเข้าใจด้วยค่ะ

ตอบ

ถูก. หมั่นฝึกสติให้ทำหน้าที่รู้เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ความเพียรคลายเมื่อใดความทุกข์จะกลับสู่ใจรอบใหม่อีกครั้ง เพราะนี่เป็นสัญญาณธรรมที่ดี ความรู้สึกตัวชัดนั่นคือสมาธิ หมั่นเจริญสติเพราะนั่นคือเหตุ สมาธิคือผล เมื่อใดที่สมาธิประคองจิตให้ตั้งมั่นได้ จนกระทั่งรู้เห็นสภาวะธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริง จิตจะเกิดความเข้าใจพร้อมกับการสลัดละวาง จิตจะว่างจากการยึดติด จิตเบากายเบา เหนื่อยหน่ายในความคิด ไม่อยากเอาทุกข์มาทับถมใจอีก ... เริ่มดี กลัวแต่รถจะหมดน้ำมันเท่านั้นแหละ.

๑๓๕.

ถาม

ขอปรึกษาปัญหาชีวิตค่ะ พี่สาวที่ไม่เชื่อฟังยายไม่รับผิดชอบลูกที่ให้กำเนิด หย่ากับสามีแล้ว พี่สาวไปหันไปชอบผู้หญิงด้วยกันที่อายุน้อยกว่าดึกดื่นไปเที่ยวกลางคืน ใช้เงินไปกับคนอื่น ใครเตือนก็ไม่ฟัง ทำให้ยายเสียใจมาก เคยบอกยายว่าอย่ายึด บั้งไฟกำลังพุ่งรอดูตอนบั้งไฟตกและแนะนำให้มาปฏิบัติธรรม ตอนนี้พยายามฝึกใจไม่ให้ไปโกรธทอมที่มาติดพี่สาวอยู่ค่ะ

ตอบ

ก้านสายบัวบอกความลึกตื้นของน้ำ อารมณ์กามบอกคุณภาพจิตชีวิตคน.

๑๓๔.

ถาม

ถ้าเราทำบุญแล้วอุทิศให้หลาย ๆ คน จะเป็นการแบ่งบุญหรือไม่ เช่น เราอุทิศให้หลายคน บุญจะแบ่งไปตามสัดส่วนหรือไม่แล้วจะได้รับบุญกันทุกคนหรือเปล่า แล้วถ้าเราอุทิศบุญให้คนอื่น แต่เราไม่ได้ทำบุญเพิ่ม บุญเราจะหมดหรือไม่คะ

ตอบ

การทำบุญด้วยการทำทาน เป็นอุบายธรรมกำจัดความตระหนี่ ป้องกันแก้ไขความโลภไม่ให้จิตติดหลงอยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งเช่นนั้น ยิ่งหากฝึกจิตเผื่อแผ่ส่วนบุญกุศลออกไปแบบไม่มีขอบเขตจำกัดได้เท่าไหร่ก็เท่ากับว่าใจเราปล่อยวางโลภ โกรธ หลง ได้เท่านั้น สภาวะจิตตอนนั้นจะบริสุทธิ์ สะอาดได้เท่าใด ใจก็เป็นบุญได้เท่านั้น

ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน

ศีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล

ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา

คำว่า “บุญ” หมายถึงเครื่องชำระล้างจิตใจ บุญที่เกิดจากทาน ศีล สมถะภาวนา ยังมิอาจสู้การภาวนาเฝ้ารู้ใจตน ที่สำคัญคือบุญชนิดนี้จะไม่มีวันสิ้นเปลืองและไม่มีวันหมดเป็น.

๑๓๓.

ถาม

ดิฉันปฏิบัติธรรมมาหลายปีก็ถือได้ว่าเป็นวิถีทางที่ถูกต้องแล้ว อยู่ที่บ้านก็เฝ้าดูอาการที่เกิดขึ้นกับจิตอยู่เสมอๆมีทั้งอาการความสุข ความสบายใจ มันเป็นโล่งๆสบายๆแต่มันก็อยู่กับเราไม่ได้นาน ก็จะมีตัวหงุดหงิดรำคาญใจกับเหตุการณ์บางอย่างในชีวิตประจำวันเข้ามารบกวนอยู่เป็นบางครั้งและบางทีก็เกิดอาการน้อยใจจากคนที่ใกล้ตัว พอมันเกิดขึ้น ก็พยายยามอยู่กับมันและดูมันเรื่อยๆว่าที่อยู่ได้นานขนาดไหนแล้วในที่สุดมันก็หายไปเอง โดยที่ไม้ต้องทำอะไรกับมันไม่ต้องตัดพ้อต่อว่าตัวการที่ทำให้เราน้อยใจแต่หลวงตาคะอาการเช่นนี้มันมักจะมาเยือนเสมอเมื่อมีเหตุการณ์ที่คนใกล้ตัวปฏิบัติต่อเราในทางที่ละเลยไม่ใส่ใจกับเราเท่าที่ควร อยากทราบวิธีปฏิบัติที่จะทำให้อาการเหล่านี้มันหายไปจากใจโดยที่ไม่กลับมาเยือนเราอีก ในบางครั้งนึกกลัว กลัวความผูกพันเพราะความผูกพันจะทำให้เราเป็นทุกข์เมื่อทุกสิ่งไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง

ตอบ

ความน้อยใจมักเกิดขึ้นได้เสมอๆกับจิตที่ยังหลงตน หลงทาง หลงธรรม หลงว่ามีเรา เป็นเรา มีของๆเรา

ผูกแน่นเท่าไร ใจก็อึดอัดเท่านั้น พันเกี่ยวกี่รอบถึงจะไม่ตายแต่ใจก็ไร้อิสระ จิตอิสระได้เท่าไรใจก็สุขสงบได้เท่านั้น.

๑๓๒.

ถาม

ดิฉันเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง แต่งงานและมีลูกแล้วสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ดิฉันมีปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเอง คือดิฉันจะมีอาการไม่สบายใจ หงุดหงิด และอึดอัดใจ คิดว่าทำไมตัวเองถึงมีความทุกข์ใจเช่นนี้ ทั้งที่สามีก็เป็นคนดีมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวดี ลูกก็เรียนเก่งไม่มีปัญหาที่ทำให้ปวดหัว แต่ไม่ทราบทำไมดิฉันจึงมีความรู้สึกทุกข์ใจอยู่ แต่พอออกนอกบ้านดิฉันกลับมีความรู้สึกโล่งๆเย็นๆสบายๆไม่ได้ห่วงหาอะไรมากมาย แต่พอหันหน้าเข้าบ้าน ดิฉันกลับมีความรู้สึกว่าเป็นทุกข์ใจมันเกิดอะไรขึ้นกับดิฉันหรือคะหลวงตาา และดิฉันจะมีวิธีแก้อารมณ์นี้อย่างไรคะ(ดิฉันจะมีอารมณ์เช่นนี้เฉพาะเวลาที่อยู่ในบ้านเท่านั้นค่ะ)

ตอบ

เพียรพยายามด้วยสติปัญญาหาสาเหตุที่แท้จริงให้พบ ปัจจัยที่ทำให้หงุดหงิดติดอารมณ์ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของอุปาทานเท่านั้นแหละ อุปาทานในกาม ในทิฏฐิความคิดความเห็น ความประพฤติปฏิบัติที่ไม่เสมอภาคกันและกัน ในอัตตาตัวตนที่สำคัญมั่นหมายว่าดีกว่า เก่งกว่า ด้อยกว่า หรือแม้แต่มานะที่ถือว่าไม่มีอะไรดีชั่วเกินกันก็ทำให้ทุกข์ได้ ความคิดความหวังที่ตั้งไว้กับบุคคลอื่นล้วนเป็นทุกข์ทั้งนั้นแหละ สุดท้ายก็อุปาทานในความเชื่องมงาย ความคิด ความอยาก กิเลสตัณหาที่ไม่มีความอิ่มความเต็ม สำหรับจิตที่ยังไม่รู้แจ้ง ใครมีมากก็หาความว่างไม่เห็น... ความชั่ว คนชั่วเห็นได้ง่าย ทำได้ง่าย แต่เห็นความดีได้ยาก ทำความดีได้ยาก ในทางตรงกันข้าม ความดี อันคนดีเห็นได้ง่าย ทำได้ง่าย...ความชั่วทำได้ง่าย แต่ทุกข์เหลือร้ายในภายหลัง แต่ขณะเดียวกันความดีก็ทำได้ยาก แต่ให้ผลคือความสุขสบายในภายหลังเช่นกัน จะเลือกเอาสิ่งไหน วิจารณญาณให้ถ่องแท้ก็แล้วกัน.

๑๓๑.

ถาม

เนื่องจากผมฝึกดูจิตมาก่อน หากผมมาฝึกดูการเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยมาปฏิบัติที่วัดจะขัดกับที่เคยฝึกมาหรือไม่ครับ

ตอบ

ที่วัดนี้ฝึกการดูจิตเช่นกัน, ถ้าทำเป็นก็ไม่ขัด ทำไม่เป็นก็ขัด เรื่องวิธีการหรือเส้นทางนั้นไม่ขัด แต่สิ่งที่ขัดคือความคิด ทิฎฐิต่างหาก นี่แค่ความคิดว่าขัดหรือสงสัยเกิดขึ้น เราก็ยังไม่มีปัญญาเห็นอนิจจัง อนัตตาในจิตได้เลย ดูให้เกิดปัญญาหลุดจากทุกข์ที่ปรากฏในจิตสิ.

ไม่มีความคิดเห็น: