13 ธันวาคม 2555

qa 121-130

๑๓๐.

ถาม

คนที่นอนหลับฝันเห็นอนาคตของตัวเอง จะแก้อย่างไรค่ะทำไมจึงเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนเองในความฝันเสมอ

ตอบ

ฝึกสติ รักษาจิตให้อยู่กับปัจจุบันมาก ๆ (ไม่ใช่ฝึกสมาธิ) เดี๋ยวจะมลายหายไปเอง นิมิตเช่นนี้มักเกิดขึ้นกับคนที่มีศรัทธาสูง สมาธิ สมถะ จิตผูกพันอยู่กับบาปบุญ ก่อเกิดเป็นสภาวธรรมจิตใต้สำนึก สติน้อย จึงยังไม่มีปัญญาลบโปรแกรมนี้ในจิตได้

๑๒๙.

ถาม

ผมได้ไปอ่านหนังสือเล่มนึงของดร.สนอง วรอุไร ท่านบอกว่า การฝึกวิปัสสนาจะต้องใช้สมาธิขั้นอุปจารสมาธิ แต่ที่หลวงตาสอนบอกว่าใช้แค่ขณิกสมาธิเท่านั้น ผมจึงอยากเรียนถามหลวงตาเพื่อขอความกระจ่างครับ

ตอบ

สมาธิขั้นไหนก็ได้ขอให้รู้ทันความคิด ปล่อยวางการปรุงแต่งยึดถือได้.

๑๒๘.

ถาม

ขอวิธีล้อมรั้วลวดหนามไม่ให้สามีมาหาอีกค่ะ

ตอบ

ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ ที่นี่ใจว่าอยากตัดขาดเขาจริงหรือ......ปรบมือข้างเดียวไม่ดังนะ หมั่นสวดมนต์ เจริญภาวนาบ่อยๆ เดี๋ยวเกิดปัญญาเองแหละนะ......ลวดหนามที่วัดมี ฆ้อนตีก็มาก หากไปลำบากก็มาฝึกล้อมใจตนดีกว่าล้อมคนอื่นเขานะหลวงตาว่า.

๑๒๗.

ถาม

เพราะความไม่เที่ยง จึงเผลอ จิตเคยโล่งสบายๆ ปล่อยวางได้มาก แต่อยู่มาวันหนึ่ง ถูกกระทบจากเพื่อนร่วมงาน รู้ไม่เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง จึงหลุดแสดงอาการไม่ดี มีอารมณ์ร่วมตามแรงปะทะ ติดอารมณ์อยู่หลายวัน รู้สึกไม่ดีกับเพื่อนร่วมงานที่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน ด้วยกันเพียงเพื่อเห็นผลประโยชน์แก่ตนฝ่ายเดียว พูดให้ร้ายคนอื่นจนขาดความเป็นธรรม คนประเภทนี้เราควรจะเฉยเมยปล่อยไป ให้กรรมตามสนองเขาเอง หรือเราควรหาวิธีช่วยให้หายจากโรคกิเลสหนาเหมือนอย่างที่เขาเป็น ทุกคนรู้ทุกคนในที่ทำงานเข้าใจในนิสัยของเขา ต่างก็เลี่ยงไปเสียเพื่อไม่อยากปะทะ แต่เขากลับคิดและพูดไปในแง่ลบต่างๆนานา เขาเป็นคนที่น่าสงสาร เพราะถูกกิเลสเล่นงานจนไม่รู้จักตัวเอง ลำพองตนว่าเก่งกว่าคนอื่นๆ จะทำอย่างไรจะช่วยให้เขาเห็นสัจธรรม นี่เป็นการติดอารมณ์ตนเองหรือเปล่าคะหลวงตา

ตอบ

เรื่องของโลกๆ ก็เป็นอย่างนี้แหละ จิตคิดดียึดความถูกต้อง ยึดรูปกาย ยึดตัวตน บุคคลเราเขา ยึดเอาสภาวธรรมที่ปรากฏในรูปในสังคม ในจิตตน เกิดอวิชชาเพ่งโทษในผู้อื่นตามสมมุติโลก......ยึดสิ่งไหน ทุกข์เพราะสิ่งนั้น.....วางได้วางเถอะ เราควรจะรู้เท่าทันทิฏฐิอัตตาตัวตนของเรา มองทุกสถานการณ์ว่าเป็นเพียงปรากฏการณ์เพื่อธรรมเท่านั้น....หากเรามั่นใจว่ามีปัญญาแก้ไขปัญหาเขาได้โดยไม่ทุกข์ก็ควรทำ เพราะนั่นคือการทำหน้าที่ของมนุษย์เพื่อประโยชน์สุขกับเพื่อนร่วมโลก.

๑๒๖.

ถาม

ดิฉันได้สวดมนต์ และนั่งสมาธิ แต่จิตใจยังไม่สงบเลยค่ะ จิตใจจะฟุ้งไปตลอด ปฏิบัติมานานมากแล้ว จะทำอย่างไรดีคะ คงมีกรรมมากนะคะ จิตใจจึงไม่ยอมสงบเลยค่ะ

ตอบ

1.สำรวมอินทรีย์ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ บ้างตามควร เพื่อป้องกันการติดอารมณ์บ่อยจนเกินขนาดของสติปัญญาที่จะปล่อยวางได้ง่าย

2.หมั่นฝึกสติระลึกรู้จิตของตนอยู่เสมอไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน กำลังปฏิบัติกิจใดก็ตาม

3.ฝึกทิ้งความคิด ปล่อยวางความปรุงแต่ง ละนิสัยความชอบใจในอะไรให้มากขึ้น

4.หมั่นรักษาภูมิจิต ภูมิธรรมที่ตนฝึกได้แล้วให้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนสติฐานของภูมิธรรมขึ้นสูงขึ้นไป

หากจะหยุดกรรม หรือตัดกรรมได้ก็ด้วยการหยุดที่จิตตัดกรรมที่ใจนี่แหละคิดมากกรรมมาก ปล่อยวางได้คือการอยู่เหนือกรรม.

๑๒๕.

ถาม

ผมเคยส่งคำถามเรียนถามหลวงตามาแล้วครั้งหนึ่ง จากความบังเอิญที่ได้ฟังCD หลวงปู่เทียน ก็เริ่มต้นปฏิบัติมาโดยตลอด และหลวงตาได้เมตตาแนะนำคำตอบไว้ให้แล้ว แต่ผมก็ยังคงหลงเผลอบ่อยเป็นประจำ วันนี้ผมมีผลการปฏิบัติมากราบเรียนหลวงตาครับ
1.ขณะที่อยู่กับชีวิตประจำวันจะหลงบ่อยครับแต่มีบางช่วงที่มือขยับไปหยิบของ จะเห็นมือเคลื่อนออกไป จะเห็นความไหวของจิต เกิดความรู้สึกตัวขึ้นเหมือนตอนทำจังหวะ14ท่าครับ พอรู้สึกมาทีหนึ่งก็จะขยับนิ้วสร้างความรู้สึกตัวขึ้น และก็หลงต่ออีกครับ เป็นอยู่แบบนี้ทุกวันครับ
2.ช่วงหนึ่งผมดูจิตอยู่ๆจิตก็เกิดเย็นเหมือนมีก้อนน้ำแข็งอยู่ในจิตห็นเค้าสุขมากเห็นแรกๆไม่เป็นกลางมีความชอบมากและผมก็แอบยิ้มด้วยครับ แต่พอดูไปนานเข้ารู้สึกว่าไม่เอาความสุขแล้วครับ เห็นเค้าสุขไม่ใช่เราสุข เริ่มเห็นมีสิ่งหนึ่งไม่ดิ้นรนแต่มีอีกอันที่ดิ้นรนครับ ไม่รู้ว่าคืออะไรครับ มีความรู้สึกว่าจิตทุกข์ไม่ใช่เราทุกข์
3.ขณะที่รู้สึกตัวไปขยับตัวไปดูจิตไปด้วยเห็นความเย็นดับลงแวบเบาๆสั้นๆเป็นช่วงๆครับ ระหว่างวัน
4.พอดูไปดูมามีช่วงหนึ่งครับหลวงตา ผมก็ดูจิตไหวๆอยู่เห็นเค้าทำงานตลอดเวลา เปลี่ยนแปลงไปตามที่เค้าอยากจะเปลี่ยน แต่อยู่ดีๆเค้าก็หายเข้าไปที่ไหนก็ไม่รู้ครับ ตอนนั้นรู้สึกว่าเหมือนได้พักผ่อนเลยครับไม่มีการทำงาน แล้วพอเค้าออกมาจากตรงไหนก็ไม่รู้ก็ทำงานต่อคือปรุ่งแต่งของเค้าต่อไป เห็นแบบนี้3ครั้งแล้วครับ
สิ่งที่สามารถเห็นได้มีแค่นี้ครับ ผมเห็นว่าจิตนี้เค้าทำงานได้เองเราทำอะไรไม่ได้เลย จะตั้งใจปฏิบัติต่อไป ชาตินี้จะอุทิศให้กับการเจริญสติอย่างเดียวเลยครับ ขอความเมฆตาหลวงตาแนะนำผมด้วยครับ ความรู้ทางธรรมหรือสมาธิ ผมทำไม่เป็นเลยครับ ที่รู้นี้ก็ไม่รู้ว่ามีสิ่งไหนผิดบ้าง ขอกราบขอบพระคุณหลวงตาที่เมตตาให้โอกาสแด่ผู้มาใหม่

ตอบ

1.การปฏิบัติธรรมก็คือการพยายามสร้างตัวรู้(พุทธะ)มาสู้กับตัวหลง(โมหะ)นี้แหละ

2.รู้แค่อาการรู้แค่มีความคิดจรเข้ามา ทุกอย่างเป็นสักแต่ว่า อย่าสนใจในชื่อสมมุติ ปรมัตถ์คือความจริงที่ปรากฎกระทบในจิตขณะนั้นๆ ทำใจให้เป็นกลางแล้วพุทธะจะปรากฎเอง,ใจเย็นๆ

3.ก็ทำดีแล้ว

4.ดูให้เห็นเป็นเพียงจิตไม่คิดปรุงแต่งตาม รู้ธรรมก็คือรู้ธรรมชาติของจิตนี้แหละ รู้เรื่องจิตนี้ยิ่งกว่ารู้อภิธรรม - สมาธิขั้นไหน ระดับใดไม่ชวนวิจารณ์ อันนั้นวางไว้ก่อนนะ เรื่องตำราอย่าได้เอามาตำใจ เอาแค่ไม่ไหลไปกับความคิด ไม่ติดความง่วงก็พอ รู้เท่าทันความรู้สึกนึกคิดติดอารมณ์ปล่อยวางได้สลายนิวรณ์เป็นก็เอาล่ะ ทำตรงนี้บ่อยๆให้เป็นนิสัย อย่าไปหาสมาธิ หาปัญญา หามรรคหาผลอะไรที่ไหนก็ได้ดอก ขยันรู้หมั่นปล่อยวางเข้าไปไว้ ตั้งมั่นบริสุทธิ์เอง.

๑๒๔.

ถาม

อารมณ์คืออะไรครับ เห็นพูดกันบ่อยๆในวัด ผมเข้าใจว่าอารมณ์คือสิ่งที่ถูกรู้ หรือสิ่งที่จิตไปรู้เข้าเห็นพูดว่าได้อารมณ์ แล้วบางคนก็อยากได้อารมณ์ เลยงงๆ ก็เพราะเข้าใจว่า อารมณ์คือสิ่งที่ถูกรู้ ไม่ว่าปฏิบัตินั้นเป็นอย่างไร แต่หากมีสติก็ได้อารมณ์ คือได้สิ่งที่ถูกรู้ ไม่ใช่เหรอ...งง

ตอบ

1. อารมณ์ คือ ระลึกรู้ต่อเนื่องรวมกันเป็นมหาสติ เป็นผลให้เกิดสภาวะดับทุกข์ได้ ปล่อยวางทุกข์ได้ สลายทุกข์เป็น เห็นแจ้งไตรลักษณ์นี่คืออารมณ์

2. เอา "งง" ออกเสียแล้วจะเหลือแต่ความเข้าใจเฉย, จำไว้ง่าย,ทุกข์เพราะสิ่งไหนให้เอาสิ่งนั้นออก

๑๒๓.

ถาม

ผมเกิดข้อสงสัยว่าจุดกำเนิดของคนเราอยู่ที่ตรงไหนครับ เราล้วนแสวงหาทางหลุดพ้น เพื่อไม่เกิด แต่จุดกำเนิดแรกเริ่มก่อนที่เราจะสร้างกรรมทำให้ต้องติดบ่วงนั้น จิตเราเกิดมาจากอะไรเหรอครับ

ตอบ

อวิชชา.

๑๒๒.

ถาม

ผมเกิดสภาวะของความว่างเปล่า ไม่รับรู้ว่าเวลาอะไร อากาศอย่างไร ร่างกายเป็นแบบไหน ชื่ออะไร และไม่ได้คิดอะไร สภาวะแบบนี้คือปกติหรือเปล่าครับ หรือเป็นสภาวะอันตราย

ตอบ

ควรหยุดทำ ควรปรึกษาจิตแพทย์ในกรณีที่ยังไม่หาย.

๑๒๑.

ถาม

ในหนังสือของ ดร.สนอง วรอุไร ท่านเล่าถึงการเจอผีในช่วงที่ปฏิบัติธรรม แต่ในหนังสือของ ทพ.สม สุจีรา ท่านบอกว่า ผีไม่มีจริง เพราะว่าเมื่อตายไป จิตจะต้องไปจุติในภพภูมิในภพภูมิหนึ่งทันที จะไม่มีมาล่องลอยกลายเป็นผี ผมจึงขอเรียนขอความรู้จากหลวงตาช่วยให้ปัญญาด้วยครับ ผมไม่ค่อยสงสัยเรื่องผีหรอกครับ เพียงแต่สงสัยว่า ท่านทั้งสองนั้น ล้วนเป็นผู้ปฏิบัติธรรมในระดับจิตที่สูงแล้ว แต่ทำไมถึงความเห็นจึงต่างกัน ธรรมะควรจะเป็นความจริงเดียวกัน ไม่ว่าใครจะปฏิบัติสายไหนไม่ใช่หรือครับ เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นความจริงที่มีหนึ่งเดียว ผมรบกวนเรียนถามแค่นี้ครับ

ตอบ

เขาคงเจอผีในช่วงที่จิตเขาเผลอ ในช่วงที่ยังไม่เกิดปัญญาเห็นธรรม ยังหลุดเข้าไปในความคิด ยังไม่เกิดปัญญาสลายความปรุงแต่งในอุปาทานได้ อันนี้เป็นไปได้ที่ความรู้สึกแบบนั้นจะเกิดขึ้นในจิต จิตคือสภาพธรรมชนิดหนึ่งมีหน้าที่รับรู้ เกิดขึ้นเพราะอาศัยเหตุปัจจัยของธาตุขันธ์ สิ้นเหตุปัจจัยสิ้นเชื้อถึงมีไฟก็ไม่ติด โลกใดๆ ภพภูมิไหนก็เกิดขึ้น ดำรงอยู่และดับไปในขณะจิตหนึ่งๆเรานี้แหละ ขณะใดปรุงแต่งสิ่งไหน ยึดมั่นสิ่งใด สิ่งนั้นก็ได้มาจุติสร้างภพภูมในจิตของเรานี้แล้ว หากอยากเห็นชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ไม่อยากตายแล้วกลับมาเกิดอีก ก็ฝึกสติดับความปรุงแต่งเสียให้สนิท ทำจนได้เห็นการจุติของจิตเป็นครั้งสุดท้ายเสียเถิด หยุดเกิดหยุดตายเวียนว่ายในสังสารวัฎซะเด้อ.

ไม่มีความคิดเห็น: