13 ธันวาคม 2555

qa 171-180

๑๘๐.

ถาม

ข้ากระะผมขอถามหลวงตาว่า พอจิตจะเริ่มคิด กระผมก็รู้ว่ามันจะคิดอะไร ลูกจะไม่ให้จิตมันปรุงต่อ ลูกก็จะอยู่กับกาย ปล่อยจิตมันดับไป ลูกทำอย่างนี้ถูกไหมครับ แบบนี้เขาเริยกว่าจิตเห็นจิตไหมครับ แต่มันก็เห็นผลนะครับ ทำให้จิตเบา กายเบา เห็นความไม่เที่ยง เกิดดับอยู่ตลอด กราบขอองค์หลวงตาชี้แนะศิษย์ผู้โง่เขลา สาธุ สาธุ สาธุ

ตอบ

ทำถูกแล้ว เรียกว่าจิตเห็นจิตก็ได้ หรือสติรู้ความคิด – เห็นความคิดก็ได้ แต่เพราะสติที่เป็นตัวทำหน้าที่ รู้ –เห็น ไม่หนักแน่นคมชัด มั่นคงเพียงพอ จึงยังไม่เกิดการเห็นแจ้งในสังขาร ความปรุงแต่งจะทำหน้าที่ยืดยาวเป็นเรื่องเป็นราวอยู่อย่างนั้น หรืออาจมีการเห็นการดับในช่วงสั้นๆ นี่เป็นการเห็นการเกิดดับของนามรูป แต่หากสติมีความคมความไวพอ จะได้ประจักษ์การเกิดดับอย่างแท้จริง คือการเกิดขึ้นของการรู้แจ้ง, การเกิดขึ้นของปัญญา, การเกิดขึ้นของวิชชาพร้อมกับการดับไปของความไม่รู้ การเกิดดับชนิดนี้ จะเกิดขึ้นในขณะเดียวกัน

อุปมาดั่งแสงสว่างที่เกิดขึ้นพร้อมกับการหายไปของความมืด และหากเป็นของจริงความสว่างแห่งปัญญาก็จะปรากฏให้เห็นอยู่เช่นนั้น ไม่มีวันลืมเลือน รื้อถอนได้ ความมืดจะไม่มีเข้ามาในจิตนับตั้งแต่ประจักษ์แจ้งปรากฏการณ์นั้น.

๑๗๙.

ถาม

ผมขายของชำอยู่ มีขายเหล้าบุหรี่ด้วย
1.เป็นกรรมชั่วไหมครับมีผลต่อเราไหม
2.หากตนเองมองว่า เราแค่ทำหน้าที่ขายเท่านั้น มิได้มีเจตนาร้าย ย่อมไม่เกิดผลกรรม เพราะอาชีพต่างๆ ในหลายอาชีพจริงๆ ก็ก่อผลดีผลเสียร่วมกัน เช่น การขายสินค้าเทคโนโลยีทำให้คนสะดวก แต่ก็เป็นก่อให้เกิดการติดวัตถุนิยม เป็นผลต่อเนื่องหลายอย่างเป็นความคิดเห็นที่ผิดหรือถูก

ตอบ

เจตนานั้นแหละคือตัวกรรม องค์ประกอบการกระทำที่จัดว่าเป็นกรรมได้แก่

1. รู้ว่าเป็นเหล้า (กินแล้วเมา)

2. มีเจตนาจะขาย

3. มีผู้ชื้อไปดื่ม

4. ผู้ดื่มเกิดอาการเมาเพราะเหล้านั้น ขาดปกติภาวะของมนุษย์

หากินกับคนโมหะก็จะได้อยู่ในสังคมของคนพาลเป็นวิบากกรรม ส่วนที่ว่าคนพาลจะสร้างผลกระทบอะไรเราได้บ้าง คงไม่ต้องจาระไน.......คนไม่กินเหล้าสติมียังพูดกันรู้เรื่องยากนี่สติถูกทำลายเสียแล้ว........ ถ้าเป็นไปได้ แม้เราอยู่ในฐานะใดก็ควรช่วยให้เขาเกิดสติปัญญา หากแม้ช่วยไม่ได้ ก็อย่าเอื้อเฟื้อเกื้อกูลส่งเสริมต่อการทำลายสติปัญญาของมนุษย์ด้วยกันเลย จะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม

ถาม

3.หากตนเองมองว่า การปฏิบัติธรรมนั้นเพื่อการหลุดพ้นเข้าสู่ปรมัตธรรม ไม่มีตัวตน เรา เขา เช่นนั้น การขายเหล้า บุหรี่ นั้น เป็นไปเพื่อเลี้ยงชิพ ดำเนินไปตามเหตุปัจจัย ให้ปล่อยวาง(เพราะเป็นทุกข์จากการขายเหล้า บุหรี่) เป็นความคิดเห็นที่ผิดหรือถูก แล้วความคิดเห็นที่ถูกควรเป็นเช่นไรครับ

ตอบ

คำสอนของพุทธธรรม เป็นปัญญาเกิดขึ้นหลังการตรัสรู้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องอัตตา/อนัตตา การรู้แจ้งเห็นจริงว่ามีตัวตน(อัตตา) หรือไม่มี (อนัตตา) ในธรรมวินัยนี้ต้องเกิดขึ้นจากการที่จิตได้ผ่านขบวนการการวิปัสสนา ฝึกฝน อบรมซักฟอก สำรอกกิเลสตัณหาที่เป็นเหตุปัจจัยได้ยึดว่ามีหรือไม่มี (อัตตา / อนัตตา) ออกได้ก่อน จิตสะอาด สว่าง สงบ รู้ตื่นเบิกบานผ่องใสว่องไว จึงเกิดขึ้น เกิดตามอำนาจพลังของสติ สมาธิ ปัญญา

การที่จิตสิ้นเหตุปัจจัยของอวิชชาแล้ว มีวิชาแจ่มแจ้งในจิตการกระทำที่ตามมา ชื่อว่าเป็นไปตามเหตุปัจจัยแห่งธรรมอันบริสุทธิ์ และหากการกระทำได้ที่เกิดขึ้นในขณะที่จิตยังไม่ถูกชะล้างกิเลส โมหะ โลภะ โทสะ ออก การกระทำทั้งหลายก็ได้รับผลจากกิเลสทั้ง 3 ตัวดีๆ นี่เอง... เข้าใจง่ายๆ แค่คำว่าเฉยของผู้มีกิเลสกับผู้ไม่มีกิเลส คือเฉยแท้กับเฉยไม่แท้...สรุปทุกอย่างต้องมาจากการรู้แจ้งภายใน

คนเจริญสติแม้เข้าถึงสภาวธรรมเพียงน้อยนิด ยังคิดอยากบอก อยากสอน อยากชวนคนให้ได้รู้ ได้เห็น ได้เป็น ได้เข้าถึงเลย...คืออยากให้ผู้อื่นได้สติดีๆ ยิ่งขึ้น... ยังไม่เจอคนที่เข้าใจปรมิตาธรรม เข้าใจเรื่องอนัตตา แล้วจะเกิดปัญญาขายเหล้าได้อย่างปล่อยวาง ฯลฯ.

๑๗๘.

ถาม

หลวงตามีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องการุญฆาตอย่างไรบ้างครับ ซึ่งเป็นปัญหาของวงการแพทย์ในปัจจุบัน

ตอบ

การุญฆาต ความหมายคือ ฆ่าด้วยความการุณ ทำให้เขาตายดีกว่าอยู่อย่างทรมาน เพราะเหตุว่าได้ช่วยอย่างสุดวิสัยแล้ว ก็ไม่มีผลดีขึ้น.... แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าฆ่าอย่างไร ผู้ปฏิบัติจึงจะไม่เป็นทุกข์.... และอีกปัญหาหนึ่งคือตายดีกว่ามีชีวิตอยู่จริงหรือ ?

โดยสามัญสำนึกของมนุษย์ปุถุชน ผู้ยังไม่แจ้งถึงสภาวะก่อนเกิดหลังตายว่าเป็นเช่นไร จิตวิญญาณตัวตนที่จะไปเกิดในภพภูมิใหม่มีหรือไม่ ตายแล้วไปไหน โลกนี้โลกหน้ามีอยู่จริงหรือไม่ อย่างไร.....เราทั้งหลายก็คงหนีไม่พ้นความยึดติดนึกคิดปรุงแต่ง ด้วยอำนาจของอวิชชามากน้อยตาม

จริยธรรมคือกลไกกรอบของความคิดที่ถูกสังคมสร้างขึ้นมา อาจด้วยการอ้างความชอบธรรมจำเป็นต่างๆ นานา มาเป็นแพะรับโทษความรู้สึกสำนึกผิดถูกอันนั้นให้สิทธิ์วินิจฉัยกับแพทย์ โดยความเห็นสมรู้ร่วมคิดจากลายเซ็นญาติมิตรทั้งหลายซึ่งก็พอเป็นยันต์คลายความรู้สึกผิด ความคิดปรุงแต่งลงได้บ้าง กลายเป็นว่า กูทำถูก แต่ปัญหาจิตชีวิตวิญญาณของผู้ตายกับแพทย์ผู้พรากว่าความจริงกับสิ่งที่ทำการุญฆาตมันถูกต้องแล้วหรือ

ความจริงจริยธรรมก็ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการยุติปัญหานี้ เพราะยังมีปมปัญหาหลากหลายชวนให้ตรึก เป็นความรู้สึกที่ไม่กระจ่างอยู่ในใจ ทำให้ขาดความเชื่อมั่นในการกระทำหน้าที่....แพทย์บางคนก็กลัวบาปกรรม คนไม่เชื่อก็ทำตามความคิดความอยาก

หลักการเหตุผลหลายๆ อย่างของจริยธรรม แม้มีต้นกำเนิดมาจากศาสนาก็จริง แต่วิธีการเข้าถึงองค์ความรู้แบบอภิปรัชญานั้นอยู่เหนือภาวะวิสัยของจินตมยปัญญา แต่มรรคจิตนี้ต้องเป็นเรื่องของภาวนามยปัญญาเฝ้าดูจากภายในจิต แม้องค์ความรู้แบบปฐมภูมิจะประจักษ์แจ้งกับจิตเป็นสันทิฎฐิโกรู้เองเห็นเอง องค์ความรู้ที่มีต้นกำเนิดเช่นนี้จึงสามารถนำไปใช้กับชีวิตในทุกขณะเป็น อกาลิโก ไม่เลือกเวลา

หลักของพุทธที่ปฏิบัติต่อผัสสะ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อารมณ์นั้นดูเหมือนง่าย แต่การนำจิตเข้าสู่ เข้าอยู่ในหลักการนี้ยาก โดยจิตจะไม่ปรุงเติมเสริมแต่อะไร จิตจะรับเพียงแค่รู้เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ (ธาตุมัตตะโก) ไม่ได้เป็นสัตว์ที่ยั่งยืน (นิสัตโต) มิได้เป็นชีวะอันเป็นบุรุษบุคคล (นิชชีโว)ว่างเปล่าจากความสำคัญมั่นหมายแห่งความเป็นตัวตน (สุญโญ)

หมอทำได้ไหม? ทำกับคนไข้ด้วยจิตว่าง ไม่ให้มีโลภะ โทสะ โมหะ อยู่ในจิตขณะปฏิบัติงาน ทำให้จิตไม่มีกูมีมึง อยู่เหนือถูกผิด เหนือดีชั่ว เหนืออารมณ์ เหนือความคิด (หากมี) ในขณะนั้นๆ หลวงตาว่ายากนะ

ปราชญ์ท่านถึงได้กล่าวไว้ไง จะเป็น(สมมุติ)ฐานะอะไร ทำอะไร ต้องฝึกใจเราให้เข้าถึงก่อน มโนปุพพังคะมาธัมมา แล้วใจจะไม่ปรุงแต่งเป็นทุกข์ทีหลัง.

๑๗๗.

ถาม

กลับจากวัดมาอยู่ในโลกสังคมภายนอกเลยรู้ว่าการระลึกสึกตัวหรือการรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง ทำได้ยากขึ้นค่ะขอคำแนะนำจากหลวงตาด้วยนะคะว่าควรทำอย่างไร

ตอบ

ทำได้ยากก็ต้องทำ เพราะนี่คือทางสายเอก จะเดินหลบหลีกอารมณ์ไปไหนได้ , อารมณ์ไหนเข้ามาก็ต้องรู้ ไม่รู้ไม่เห็นเดินไปเหยียบมันเข้าก็คงจะมีแต่เจ็บกับเจ็บ หรือเราจะทำตนเหมือนคนตาบอด เช่นเมื่อก่อนกระนั้นหรือ มียาไม่กิน เห็นธรรมไม่ใช่จะต่างอะไรกันเนาะ.

๑๗๖.

ถาม

ปัจจุบัน ดิฉันฝึกการเจริญสตินำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เวลาจะทำอะไรการงานใด ก็พยายามตั้งสติระลึกรู้ ว่าขณะนี้กำลังมีโทสะ โกรธอยู่นะ มันมาเร็วมากค่ะหลวงตา แค่เสี้ยววินาทีเอง แล้วก็ดับไปถ้าเป็นแบบนี้ หนูจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้างค่ะ แต่ช่วงหลังก็อาจจะว่าทำงานหนักและเหนื่อยจากที่ทำงานก็เลยไม่ได้เจริญสติอย่างต่อเนื่อง จากวันนั้น ก็พยายามเจริญสติ ให้ได้ทุกวัน และต่อเนื่อง

ตอบ

บุคคลผู้เจริญสติปัฎฐาน 4 ให้ต่อเนื่อง ตามอารมณ์ของโพชฌงค์ 7 ย่อมเหนื่อยหน่ายในงาน เห็นจิตที่ติดอารมณ์ ติดอยู่ในความคิด เห็นว่าไม่มีแก่นสาร ประหนึ่งว่า บุคคลผู้เคยหลงป่า ย่อมรู้ซึ้งถึงความทุกข์เป็นอย่างดี ย่อมไม่มีความคิดที่จะเข้าไปอีก

สติขาดหายจะกลายเป็นความมืดบอดของจิต แต่หากระลึกรู้อยู่แจ่มชัดอยู่ แสดงว่าตาในยังเป็นอยู่ ความหลงผิดแม้มี ก็อาจไม่มาก.

๑๗๕.

ถาม

ข้ากระผมมีความกังวลใจมากในเรื่องจะมาถึง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าอีก 2 วันต้องเอาเงินไปจ่ายหนี้ ใน2วันที่จะไป ใจมันวูบวาบเหมือนคนตกเหว พอมันเป็นกระผมก็ดูมัน แล้วว่าเดี๋ยวมันก็หาย แล้วกระผมก็หายใจลึกๆยาวๆซัก 3-4ครั้ง แล้วก็ดูลมหายใจ เสร็จแล้วกระผมก็จะเลี่ยงไปทำงานอย่างอื่น มันก็หาย แต่ถ้าได้อยู่คนเดียวมันก็มาอีก กว่าจะผ่าน2วันได้ กระผมรู้ว่าตัวเองขาดทุนไปแล้ว [สาเหตุกระผมรู้ว่าผมกลัวว่ามันจะทำไม่ได้]ขอความเมตตาแนะนำให้กระผมด้วยครับ

ตอบ

ฝึกสติระลึกรู้ ผูกใจไว้ให้อยู่กับที่ อยู่แบบชีวิตที่มีสมาธิ แล้วตามใจมันดูซิว่ามันกลัวอะไร....ไม่ถือว่าขาดทุนหรอก นี่คือกำไรที่ได้รู้ว่าใจเราเป็นอย่างนี้ สิ่งที่เป็นทุกข์นั้น คือ การยึดติดในอารมณ์ ไม่ใช่ใจเรา ดูให้ดี,หากมันมาบ่อยก็ดูมันบ่อย มาเท่าไรก็ดูเท่านั้น,มาอย่างใดก็ดูอย่างนั้น อีกหน่อยมันก็จะกลับกลายเป็นธรรมารมณ์ ไม่ใช่ อารมณ์แปลกหน้าอีกต่อไป พอคุ้นเคยเข้า เราก็จะได้ความรู้จากมัน อารมณ์ที่รู้ทางกันแล้ว เชื่อเถอะมันทำร้ายเราไม่ได้หรอก....อย่าไปดีใจเสียใจกับของสมมุติ...หนี้ก็ชดใช้ไป แค่ใจเราก็ต้องรักษา รักษาอยู่ในปกติภาวะ.

๑๗๔.

ถาม

1.เป็นคนที่เมื่อเจอเรื่องเศร้าหรือว่าใครเป็นอะไร แล้วจะร้องไห้น้ำตาจะไหลออกมา ทั้งที่ไม่อยากร้องไห้เลย เหมือนเป็นคนอ่อนแอ จะแก้ไขอย่างไรดีคะ

ตอบ

สติอ่อนติดอารมณ์ง่าย ฝึกสติให้มากกว่านี้ทำจนเป็นนิสัย ทำจนเปลี่ยนขั้วของความรู้สึกได้โน่นแหละ.

ถาม

2.เป็นคนที่ค่อนข้างโกรธง่าย เป็นความทรมานใจมากที่สุดเพราะโกรธทีไรจะรู้สึกอึดอัดไม่สบาย แต่เอาความโกรธออกไปไม่ได้ทันที โกรธเป็นวันสองวัน ไม่อยากโกรธแต่มันโกรธ

ตอบ

ฝึกสติให้รู้เท่าทันก่อนที่มันจะเกิดโกรธ ดูโทษความโกรธให้ชัดๆ.

ถาม

3.เวลาอยู่กับคนหมู่มากจะมีอาการประหม่า ไม่มีความมั่นใจในตัวเองทำอย่างไรดีคะ

ตอบ

ดูจิตตัวเองบ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาที่มันเกิด ให้รู้อยู่กับปัจจุบันขณะ คนที่สัมผัสอารมณ์รูปนามแล้วอาการที่กล่าวนั้นจะหลุดออกไปจากจิต.

๑๗๓.

ถาม

หนูได้ไปเจริญสติที่วัดมาสองครั้งก็ยังมีติดอารมณ์บ้าง แต่สามารถตัดอารมณ์และความคิดฟุ้งซ่านได้เร็วขึ้น ยอมรับว่าอยากให้พ่อบ้านไปบ้างแต่แล้วพ่อบ้านก็บอกว่าถ้าเข้าใจสัจธรรมก็ไม่จำเป็นต้องไปวัดหรอกเค้าบอกว่าเห็นคนไปวัด (เค้ามีเพื่อนที่ไปปฏิบัติธรรม หลายๆแบบ หลายๆที่) หลายคนก็ไม่เห็นดีขึ้นเลยไม่เห็นเอาธรรมะมาใช้ได้เลย เจอแบบนี้ทำอย่างไรดีคะ หนูเองก็ไม่ได้โต้แย้ง เงียบคงดีที่สุด แต่ในใจก็อยากให้เค้าเข้าใจหรือมองในเชิงบวกขึ้น

ตอบ

ไปหาซื้อตาชั่งมาตั้งไว้หน้าบ้าน พร้อมหาเอาเขาควายตามโรงฆ่าสัตว์มาวางชั่งเอาไว้....มองบ่อยๆเอาสิ่งนี้แหละเป็นอารมณ์กรรมฐาน เชื่อเถอะไปโลด.

๑๗๒.

ถาม

บางขณะสามารถตามรู้อาการทางกายเป็นอัตโนมัติโดยไม่ต้องพยายามกำหนดเลยครับ แต่ดูความคิดไม่ทันส่วนใหญจะเกือบจบเรื่อง และจะมีอารมณ์กามราคะรุนแรงมาก ๆ จะทำยังไงดีครับ

ตอบ

ความรู้ตัวยังไม่เพียงพอ ความต่อเนื่องของสติจะก่อตัวกลายเป็นสัมมาสมาธิ จิตเป็นสมาธิก่อนจึงจะละนิวรณ์ห้าได้ อารมณ์ทั้งหลายหากสู้ได้ก็สู้ สู้ไม่ได้ก็หลบไปก่อน.

๑๗๑.

ถาม

อยู่ช่วงหนึ่งอยู่ดีๆใจก็เกิดเศร้าหมองขึ้นมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนอารมณ์แบบนี้ที่เกิดขึ้นมาจะเป็นเพราะอกหักหรือผิดหวังเรื่องอะไรสักอย่างในชีวิต แต่ตอนที่โยมเกิดความเศร้าหมองนี้ชีวิตก็เป็นปกติดีทุกอย่างออกจะมีความสุขเรื่อยๆไปด้วยซ้ำ เป็นอยู่อย่างนี้สักอาทิตย์ก็หายไป ตอนที่มีความเศร้าหมองเกิดขึ้นในใจโยมก็รู้มันแล้วมันก็ดับไปทันทีแต่โยมก็อดสงสัยต่อไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงได้เกิดขึ้น ทั้งๆที่เราก็มีความสุขตามแบบโลกๆดี ขอสอบถามว่า ความเศร้าหมองในใจนี้ถ้าเกิดขึ้นเราควรที่จะหาสาเหตุไหมคะว่ามาจากไหน เพราะอะไร หรือว่าไม่จำเป็นเพียงแค่รู้และดูไปที่ใจก็พอแล้ว หรืออย่างไร

ตอบ

สติมีกำลังน้อย ตัดมันไม่ขาดหรอก โดนเล่นงานอยู่ตั้งเป็นอาทิตย์ ...ปัญานี้มักเกิดกับบุคคลผู้ชอบอยู่ตัวคนเดียว, เก็บตัว,ขี้น้อยใจ,ชอบฟังมากกว่าพูด,ชอบทำตัวแบบสบายๆ แต่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง...ความเพียรไม่ค่อยต่อเนื่อง สติไม่กลายร่างเป็นสมาธิ และสมาธิก็ไม่มากพอก่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง อารมณ์นี้จึงไม่ถูกขุดรากถอนโคนออกไป... ก็อย่าได้ท้อใจนะโยม ให้ทำอย่างเดิมนั่นแหละ แค่ดูให้ต่อเนื่อง ไม่ต้องหลบอารมณ์ ดูจนกระทั่งเห็นอนัตตาในรูปในนามเลยนะ.

ไม่มีความคิดเห็น: