13 ธันวาคม 2555

qa 251-260

๒๖๐.

ถาม

หลังจากที่ผมกลับจากเบิกฟ้าธรรมาศรม ผมก็ปฎิบัติต่อที่บ้าน ความรู้สึกตัวที่เกิดขึ้นเป็นธรรมชาติมาก ราวกับเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องกำหนดเหมือนแต่ก่อน ผมสัมผัสได้ว่า ความรู้สึก กาย และ ความคิด แยกออกเป็น 3 ส่วน เหมือนเห็นความคิดสลับกับกาย เกิดดับอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อทำความรุ้สึกต่อไปเรื่อยอีก ความรู้สึกตัวมันเร็วมากจนแทบไม่เห็นความคิดที่เกิดขึ้นเลย มีแต่เพียงความรู้สึก รู้สึกๆ เพียงเท่านั้น ผมกลัวว่าจะเกิดอาการวิปลาสหรือบางอย่างที่ผิดปกติขึ้นเลยกลับมารู้กายให้ชัดขึ้นเพื่อให้มันหลุดออกจากอาการนั้น เพื่อไม่ให้มันถลำเข้าไป โดยพยายามรู้กาย 70 สลับกับความคิด 30 เนื่องจากผมปฏิบัติเองอยู่กับบ้านคนเดียว ห่างไกลครูบาอาจารย์ มาถึงตอนนี้ ผมพอเข้าใจสิ่งที่หลวงพ่อเทียนพูดว่าเมื่อหนูมันเห็นแมวมันก็จะช็อคตายเอง และเมื่อเวลาปลิงมันดูดเลือด เราไม่ต้องไปดึงมันออก แต่ใช้ใบยาและปูนกันหมากบีบลงไป ปลิงมันก็จะหลุดออกมาเอง ความคิดก็เหมือนกัน เราไม่ต้องไปตามดูความคิด เมื่อสติมันตั้งมั่นขึ้นมันก็จะไปเห็นความคิดเอง

ตอบ

อนุโมทนาในผลานิสงส์ของการกระทำ ธรรมใดก็ได้ค่า หากว่าทำจริง ๆ.

๒๕๙.

ถาม

เมื่อสติเป็นสมาธิ จะเห็นกายใหญ่กายเล็ก เห็นวิญญาณหรือสัญญา เมื่อเห็นปั๊บก็ดับเลย หรือเรียกว่ารู้ตัวทั่วพร้อมชั่วคราวได้ไหมครับ

ตอบ

ได้.

๒๕๘.

ถาม

ช่วงระยะเวลาในการยกมือสร้างจังหวะใช้ระยะเวลาช้าหรือเร็วขึ้นและลง กระผมได้เรียนรู้จากคลิปแล้ว เก็บสติได้ดีกว่าการหลับตามาก ขอความเมตตา

ตอบ

พยายามทำต่อไปเรื่อย ๆ ทำให้เข้มขึ้น สติต่อเนื่องความเข้าใจชีวิตจะปรากฏขึ้นมาเอง.

๒๕๗.

ถาม

จากการที่ได้เคยกราบเรียนหลวงตาที่วัดเรื่องการเห็นก้อนทุกข์หล่น แล้วหลวงตาได้อธิบายว่าเกิดจากการปฏิบัติแบบไม่เป็นระบบ และการหล่นครั้งนี้ยังไม่ถาวร แต่ถ้าหล่นอีกครั้งจะถาวร

1. จะปฏิบัติต่อไปอย่างไรคะ เพื่อให้หล่นแบบถาวร เพราะที่ผ่านมา ฝึกปฏิบัติจากการอ่าน การฟัง เข้าคอร์สที่วัดหลวงตาเป็นครั้งแรกค่ะ

ตอบ

รู้ตัวกาย ตัวจิต สลัดทิ้งความคิดให้สม่ำเสมอ

ถาม

2. จากที่เห็นความคิด อยู่ส่วนความคิด ไม่วิ่งไปกระทบทำให้ใจเกิดทุกข์เกิดสุข สภาวะแบบนี้ถือว่าเข้าสู่เส้นทางวิปัสสนาหรือยังคะ

ตอบ

เข้าสู่เส้นทางแล้ว - ปล่อยวางกาย วางเวทนา วางจิตและอารมณ์ไว้ ใจรู้ใจคือสติวิปัสสนา.

๒๕๖.

ถาม

ที่ว่าเจริญสติให้ต่อเนื่อง อย่างไรถึงเรียกว่าต่อเนื่อง เวลาทำงานที่ต้องใช้ความคิด ก็ไม่สามารถจะทำต่อเนื่องได้ ต้องทำอย่างไร สติถึงไม่ขาดสายครับ

ตอบ

คือการกำหนดรู้อยู่ตลอดเวลา รู้กายเคลื่อนไหว รู้ใจนึกคิด เวลาทำงานอยู่มันคิดก็ให้รู้ ไม่คิดก็ให้รู้ ใช้ความคิดได้แต่อย่าให้ความคิดใช้เรา เราอย่าเข้าไปอยู่ในความคิด คิดด้วยสติ รู้คิดจิตจะว่างจากอัตตาตัวตน ความต่อเนื่องจะเกิดขึ้นหลังจากจิตปล่อยวางเป็นสมาธิ มีปัญญาปล่อยวางได้ระดับหนึ่งแล้ว ในเบื้องต้นนี้คงทำได้เป็นช่วง ๆ บางเวลา กาลเทศะ แม้จะคิดหรือกำลังใช้ความคิด หากไม่ยึดติด จิตก็จะวิ่งผ่านหลุมเวทนา ตัณหา อุปาทานมาได้ กลับสู่เส้นทางการรู้สึกตัวได้อีก เหมือนการเดินทางแวะพักกินน้ำ กินข้าวแล้วก็เดินทางต่อไปอีกได้ สรุปก็คือคิดก็ได้ แต่ให้รู้คิดและรีบกลับเข้าสู่มรรควิถี คือ รู้สึกตัวสลัดความคิดอุปทานกลับสู่ฐาน 4 ให้ได้.

๒๕๕.

ถาม

เวลาที่จิตของเราคิดไปโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย จนบางครั้งตังเราเองก็ไม่สามารถควบคุมจิตได้ เราต้องทำอย่างไรในขณะที่กำลังคิดครับ

ตอบ

ใช้สติประคองจิตไว้ ไม่ให้มันตกลงไปในอารมณ์ที่ลึก ๆ ออกยาก ๆ โดยการเจริญสติเติมสมาธิไปเรื่อย ๆ ไม่เข้าไปอยู่ ไม่ใส่ใจ ปล่อยใจไปในความคิดอันนั้น หรือเบี่ยงเบนความสนใจไปทำอย่างอื่นเสียก็ได้ พบปะสนทนากับกัลยาณมิตรผู้รู้ที่สามารถชี้แนะแก้อารมณ์ได้ จะโดยความคิดเป็นอนิจจังเกิดได้ ดับได้ เป็นอนัตตาคือไม่มีตัวตน ถูกสมมุติมาจากอวิชชา หากสติต่อเนื่องเห็นแจ้งแทงทะลุได้ อนัตตาตัวจริงก็จะปรากฏ.

๒๕๔.

ถาม

เราสร้างจังหวะแล้วมือเบาเหมือนไม่มีมือทุกครั้งที่กำหนดการสร้างจังหวะ เมื่อก่อนมือหนัก แต่ตอนนี้เบาตลอด

ตอบ

ทำเพื่อรู้จะเบา ทำเพื่อเอาจะหนัก.

๒๕๓.

ถาม

เวลาปฏิบัติสร้างจังหวะเดินจงกรมมักจะคิดถึงเรื่องลูกเป็นห่วงลูกอย่างเดียวต้องทำอย่างไรครับ

ตอบ

ความรู้สึกตัวยังอ่อน ไม่แหลมคม ตัดอารมณ์พื้น ๆ ยังไม่ได้ ต้องทำให้ต่อเนื่องมาก ๆ.

ถาม

การสร้างจังหวะขึ้นอยู่กับระยะเวลาหรือไม่ครับ

ตอบ

ขึ้นอยู่กับการกระทำ.

๒๕๒.

ถาม

หนูอยากมาปฏิบัติธรรมที่วัด แต่บางครั้งหนูมักจะมีอาการของโรคสำไส้อักเสบ ต้องทานยา ถ้ามาที่วัดแล้วต้องทานยาหลังอาหารจะทำอย่างไรดีคะ

ตอบ

พุทธธรรมสอนเรื่องเหตุปัจจัย ทุกข์คือปัญหา สมุทัยคือเหตุปัจจัย นิโรธคือการสิ้นเหตุปัจจัย มรรคคือหนทางที่เกิดจากการปฏิบัติตามเหตุปัจจัย ทุกข์กายแก้ไขอิริยาบถและปัจจัย 4 แต่ทุกข์ใจหรือทุกข์ภายในต้องแก้ด้วยสติปัฏฐาน 4

การปฏิบัติธรรมคือการฝึกตาทิพย์ ดูกายดูใจ ดูภายนอกภายใน ดูเท็จดูจริง เห็นแจ้งด้วยปัญญา แล้วก็แก้ไขตามเหตุปัจจัยนั้นๆ พระชีที่วัดป่วยก็กินยาปกติ แต่บางรูปบางองค์ก็ไม่กินปกติ บางท่านกินหรือไม่กินก็ปกติ บางคนเน้นที่ปกติกาย บางคนเน้นที่ปกติจิต บางคนเน้นทั้งสอง อันนี้ก็แล้วแต่เหตุปัจจัยแห่งธรรมที่สัมผัส.

๒๕๑.

ถาม

ผมได้ฝึกปฏิบัติธรรมด้วยตนเองที่บ้านโดยการภาวนาพุทธโธกับการเจริญสติโดยอาศัยแนวของหลวงพ่อเทียนโดยจากการอ่านหนังสือและฟัง CD แล้วปฏิบัติเอง ในคืนหนึ่งพอผมอ่านหนังสือและกำลังจะหลับ ปรากฏว่ามีความสว่างโพลงอยู่และมีความรู้สึกว่าเห็นอาการของกายพร้อมกันทุกส่วน เช่น นิ้วเท้ากระดิก แขนกำลังยก มือกำลังวางหนังสือ เป็นต้น โดยเห็นเป็นภาพช้ากว่าปกติ มีความรู้สึกว่าเห็นได้พร้อมกันทุกจุดอย่างชัดเจน และเห็นว่ามือกำลังวางหนังสือลง ถอดแว่นตาค่อยๆ วางและเปลือกตาค่อยๆหลับลงไป แล้วก็หลับสนิทไม่ได้ฝันอะไรเลย ตื่นขึ้นมายังจำความรู้สึกนี้ได้ กราบเรียนถามหลวงตาว่าอาการนี้คืออะไรครับและควรทำอย่างไรต่อไป

ตอบ

คือการรู้กายในกาย หรือรู้รูปนาม ควรฝึกให้สติมีความต่อเนื่องในทุกอิริยาบถซึ่งจะเกิดปัญญาเห็นรายละเอียดอีกมากมาย จนสติสามารถเห็นจิตในจิตได้อย่างแจ่มแจ้ง เห็นความคิดหรือเห็นนามรูปซึ่งเป็นอารมณ์ที่สอง ความยากง่ายก็ไม่ต่างจากอารมณ์รูปนาม แต่การที่จะเกิดปัญญาทำลายกิเลสตัณหาอวิชชาที่เห็นนั้น ต้องมีความแหลมคมเฉียบขาดเด็ดเดี่ยวจึงจะทำได้ แต่ก็ไม่เกินวิสัยของคนจริงดอก.

ไม่มีความคิดเห็น: