13 ธันวาคม 2555

qa 291-300

๓๐๐.

ถาม

เวลาก่อนนอนได้เจริญสติโดยการยกมือแบบหลวงพ่อเทียน แต่เวลาจะนอน กลับนอนไม่ค่อยหลับเหมือนจิตมันตื่น และจิตจะฟุ้ง กำหนดสติแล้วก็เอาไม่อยู่ต้องปล่อยและพยายามดูจนกว่ามันจะอ่อนลงและหลับไปเอง (ไม่เป็นทุกวัน แต่ส่วนมากจะเป็นก่อนหน้านี้เคยปฏิบัติแบบนั่งสมาธิก็เป็นเหมือนจิตมันตื่น อยากทราบว่าเป็นเพราะอะไร

ตอบ

ต้องให้มันเป็นธรรมชาติที่สุด เจตนารู้หรือเพ่งจับจ้องมากไปก็จะเป็นอย่างนี้แหละ

๒๙๙.

ถาม

มีแต่ความว่าง สงบ ร่มเย็น จิตไม่ค่อยปรุงผัสสะก็ไม่ตกใจ ไม่กระเพื่อม ไม่เกาะเกี่ยว แต่ไม่รู้อะไรสักอย่างกับขั้นของญานของฌานที่จะเทียบเคียงเลย (แต่ไม่สนใจอยากเทียบเคียงเท่าไรเฉยๆ) แต่มั่นใจว่าดำรงอยู่ในสัมมาสติและสัมมาทิฐิตลอด (ภาวนาแบบเคลื่อนไหว นั่งลืมตาสร้างจังหวะ และรู้สึกตัวในชีวิตประจำวัน

ตอบ

รู้ใจให้มาก สติรู้จักจิต สมาธิชำระใจให้เห็นเกิดดับเป็นปัจจุบันในทุกอารมณ์

๒๙๘.

ถาม

ในช่วงนี้ ทำความรู้สึกตัวให้ชัดกับทุกอิริยาบถของการเคลื่อนไหวและพยายามทำให้ต่อเนื่อง ยิ่งทำให้ชัดมากเท่าไหร่ ยิ่งเห็นตัวตนมากขึ้น โดยเฉพาะความโกรธ ความไม่พอใจ ตอนนี้ระลึกถึงหลวงตาสุริยามากเลยค่ะ จะขอเข้าปฏิบัติธรรมค่ะ เพื่อให้รู้ต่อเนื่องและชัดมากขึ้น

ตอบ

ความต่อเนื่องของการพัฒนาอินทรีย์ทั้งห้า เป็นการศึกษาการทำใจขั้นสูง ศีลธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา อธิปัญญาสิกขา สามารถประจักษ์แจ้งไตรลักษณ์ในขันธ์ได้ ตามคุณภาพของอินทรีย์ตามแต่ฐานานุรูป

๒๙๗.

ถาม

มีธาตุรู้แล้วจะทำอย่างไรถึงจะรู้ธาตุตามความเป็นจริง

ตอบ

เพื่อเจริญสติจนสัมผัสธาตุรู้ได้แล้ว ก็ควรประคองไว้ให้เจริญเติบโตขึ้นไปอีก เหมือนกับการปลูกต้นไม้เสร็จแล้วก็ต้องมีคนดูแล บาลีมีว่า

  • ภาวนา เฝ้าดู เฝ้ารู้
  • ภาวิตา ทำให้เจริญ ทำให้ต่อเนื่อง
  • พหุลีกตา ทำให้มากๆ แล้วๆ เล่าๆ อยู่อย่างนั้น
  • สังวัตตันติ ทำจนถึงธรรม (กรรมฐานยิ่งๆ ขึ้นไป)
  • อภิญญายะ ทำจนเกิดสภาวะรู้ยิ่งเห็นจริง
  • สัมโพธิยา ทำจนรู้ถูก รู้ถึง รู้พร้อม
  • นิพานายะ ทำจนรู้แจ้งพระนิพพาน

๒๙๖.

ถาม

การที่จะบอกว่าคนนั้นดี ต้องทำเหมือนเราหรือไม่ และการที่บอกว่าคนนั้นไม่ดีต้องทำเหมือนเราหรือไม่

ตอบ

คนดีมีหลายระดับ อยู่ที่ว่าจะใช้เกณฑ์อะไรวัด? เป้าหมายเพื่ออะไร ?.......ดีที่สุดคือ ว่างจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน พ้นทุกข์แบบพระพุทธเจ้าเป็นอาทิ พระอรหันต์สาวกทั้งหลายรองลงมา และสุดท้ายคือดีแบบชาวบ้านเราๆ ท่านๆ คือ เอาศีลธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม เป็นเครื่องชี้วัด.........ถ้าเรามีดี(ธรรมสัจจะ) ในตัวจริงๆ เป็นผู้รู้เท่าทันทุกข์ เป็นผู้สิ้นทุกข์ เราเองก็สามารถเป็นเครื่องชี้วัดให้กับคนอื่นและปรากฎการณ์ในสังคมได้ ความดีวัดที่มีปัญญารู้แจ้งอริยสัจจ์ ไม่ดีคือชีวิตที่ถูกครอบทับด้วยตัณหาอวิชชา

๒๙๕.

ถาม

ตอนผมนั่งสมาธิอยู่ก็มีความคิดเกี่ยวกับกามราคะขึ้นมาทำให้เมื่อก่อนที่จิตใจสงบวันต่อมาเหมือนกับจิตใจไม่สงบเหมือนเมื่อก่อนมีวิธีแก้ยังไงบ้างครับ

ตอบ

1.กลบเกลื่อนได้ก็ให้ทำไปก่อน

2.พิจารณาเห็นโทษของการที่จิตติดอยู่ในอารมณ์นั้น จนกระทั่งดับไปต่อหน้าต่อตา

3.อยู่ในอิริยาบถใดก็ให้เจริญสติอยู่ในอิริยาบถนั้นๆจนกว่ากามวิตกนั้นจะหายไป กลับสู่ความปกติได้ดังเดิม

๒๙๔.

ถาม

หนูมีความกังวลเรื่องที่กรรมเก่า ถ้าหากมีคนทักว่าระวังนะจะเกิดอุบัติเหตุ หรือบอกว่าระวังนะจะมีเรื่องราวไม่ดีเกิดขึ้น หนูกังวลมากทำอย่างไรดีถึงจะไม่กลัวสิ่งที่คนมาทักคะ

ตอบ

1.พิจารณาดูให้ถ้วนตรองให้ถี่ หากเขาทักคุณทุกวันๆ ทุกชั่วโมง ทุกคน ทุกครั้ง ที่เจอหน้ากันแล้ว ถ้ายึดอยู่อย่างนี้เราจะไม่แย่หรือ

2.อย่าให้ใจอยู่กับอดีต อนาคต

3.ลบข้อมูลพวกนี้ออก อย่าใส่ใจให้มากจะกลายเป็นอารมณ์

4.ฝึกสติให้เข้มแข็งเข้าไว้ สามารถอยู่กับความจริงที่เป็นปัจจุบันขณะนี้ได้

๒๙๓.

ถาม

อยากสอบถามเรื่องกฎแห่งกรรม และอยากได้คำเทศนาเพื่อทำใจตัวเอง

ตอบ

เอาย่อๆ นะ .....กรรมคือการกระทำมีสองอย่าง คือ ทางกาย กับทางจิต ....กฎแห่งกรรมก็คือ ถ้าทำกรรมด้วยอารมณ์ใดก็จะเป็นเหตุปัจจัยให้ได้รับผลกรรมนั้น (อารมณ์เป็นสมุทัย สุข, ทุกข์ , ว่าง เป็นผล, หรือนิโรธ ) หากใจไร้อุปาทานกรรมที่ทำไว้ก็ไร้ผล (ไม่มีทุกข์) ตามมา

๒๙๒.

ถาม

หนูมีความรู้สึกว่าสิ่งที่หนูกำลังปฏิบัติอยู่คือการรู้สึกตัวนั้น ยังไม่ค่อยจะทำได้โดยความโล่งจากใจสักเท่าไร แต่หลวงตาเจ้าคะถ้าหนูจะค่อยๆปฏิบัติอย่างตั้งใจสักวันหนึ่งมันก็อาจจะสำเร็จได้ใช่ไหมคะ? หนูรู้สึกว่าการก้าวเดินของชีวิตและสติมันจะต้องไปด้วยกันเสมอหากแต่ว่าถ้าหนูอยากจะลองก้าวเดินอย่างช้าๆแต่มันมั่นคงกว่าโดยที่เราไม่ต้องหลงไปเดินถอยหลังอีก โดยที่สติน้อยๆแต่ฐานมั่นคงแล้วค่อยเพิ่มพูนขึ้นทีละนิด หลวงตาคิดว่าวีธีนี้ดีหรือไม่คะ?

ตอบ

ใช่ แต่ต้องทำให้ถูกนะ ........ ดี ให้ทำจริงเด้อ

๒๙๑.

ถาม

เมื่อกลางปีที่แล้วโยมไปภาวนา วันที่ 6 เตรียมนอนค่ะ แต่ทำยังไงก้อนอนไม่หลับ เพราะเกิดสภาวะเหมือนเราเปิดปิดไฟ ตรงบริเวณกลางลำตัว เกิด ดับ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยนอนดูที่ลมหายใจเพราะปกติเวลานอนไม่หลับจะทำแบบนั้น แต่กลายเป็นว่าไปรู้สึกถึงชีพจรที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม ยังแอบคิดว่าทำไมหัวใจเต้นแรงจังไม่สบายหรือเปล่า และเห็นถึงการทำงานของชีพจร ลมหายใจ ท้องพองเข้ายุบออก เกิด ดับ ๆๆ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของเค้าไปพร้อม ๆกัน คืนนั้นทั้งคืนจิตตื่นไม่ยอมนอนแทน นอนพลิกไปพลิกมา มาเผลอหลับตอนไหนไม่รู้ สรุปสภาวะเกิดดับ เกิดขึ้น 2 วัน 1 คืน พอออกจากครอส์มา ไม่ได้ทำต่อเนื่องสภาวะนี้หายไป ...

และอยู่ ๆ ประมาณปีที่แล้วค่ะ จิตมันเกิดมรณานุสติเองโดยอัตโนมัติ ทำให้เห็นว่าความตายมันใกล้นิดเดียวไม่อยากประมาทกับชีวิตอีกแล้ว บางทีนั่งผิงไฟอยู่ จิตมันพูดขึ้นมาว่า นี่ไฟในนรกร้อนกว่านี้อีกนะ พอไปต้มไข่ระหว่างรอ มองน้ำเดือด ๆ จิตมันพูดอีกว่าน้ำในนรกร้อนกว่านี้ จิตเกิดความเกรงกลัวต่อบาปมาก มีอยู่ครั้งนึงน้องสาวมาหาพากันไปเที่ยว Sea world คนอื่นสนุกสนานเฮฮา โยมเองเกิดความสังเวช มองดูสัตว์เหล่านั้นด้วยความสงสาร นึกในใจว่าถ้าต้องเกิดมาเป็นเดรัจฉานคงน่ากลัวมาก เลยกลายเป็นความเห็นแต่ความทุกข์ ไม่ได้สนุกสนานกับใครเค้าเลยค่ะ

ตอบ

เพียรฝึกสติระลึกรู้ให้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ประคองสติให้อยู่กับรูปนาม ทำให้ยาวนานมากๆ กว่านี้หน่อยจิตจึงจะเกิดสภาวะธรรมอะไรๆ ที่มากกว่านี้

ไม่มีความคิดเห็น: